หัวข้อ
- #คำถาม
- #ลอนดอน
- #ชีวิตที่เปลี่ยนไป
- #หนังสือ
- #รอนดา
สร้าง: 2024-03-20
สร้าง: 2024-03-20 00:40
เพื่อนให้หนังสือเป็นของขวัญ
ของขวัญหนังสือไม่ว่าจะได้รับเมื่อไหร่
ก็สร้างความรู้สึกสั่นไหวเล็กๆ ในใจเสมอ
คุณรู้สึกอย่างไรเมื่อมองภาพนี้? คุณเคยใช้เวลาใคร่ครวญกับภาพถ่ายสักภาพบ้างไหม?
มีเพียงปัญหาว่าเกิดอะไรขึ้น และคุณจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นอย่างไรเท่านั้น
ฉันลาออกจากงานเมื่อต้นปีที่แล้ว และไปเที่ยวท่องยุโรปเป็นเวลานาน
และ
ความคิดที่ว่าคำตอบในชีวิตของฉันคือหนังสือเท่านั้น ได้ครอบงำฉัน
ดังนั้นหลังจากกลับจากยุโรป ฉันจึงอ่านหนังสืออย่างบ้าคลั่งเป็นเวลา 3 เดือนเต็มๆ ตื่นตั้งแต่ตี 5 ทุกเช้า และอ่านจนถึงดึก เริ่มจากหนังสือพัฒนาตนเอง จากนั้นก็เป็นหนังสือเกี่ยวกับมนุษยศาสตร์ จากนั้นก็เป็นชีวประวัติ และสุดท้ายก็ไปถึงโอดีสซีย์และอิเลียด เป็นไปตามกระแสจิตใจ อ่านหนังสือที่อยากอ่านอย่างอิสระ ไม่สำคัญว่าจะอ่านกี่หน้าต่อวัน หรืออ่านอะไรไปบ้าง
ฉันเคยทำอะไรตามใจตัวเองได้อย่างอิสระแบบนี้เมื่อไหร่กันนะ?
ฉันยุ่งอยู่กับการค้นหาวลีและย่อหน้าที่ทำให้ฉันได้ไตร่ตรอง และพยายามคิดอย่างลึกซึ้งอยู่ตลอดเวลา
นั่นคือการเดินทางแห่งความคิดตลอดทั้งวัน ไม่ใช่การเดินทางทางกายภาพ
บางทีฉันอาจจะไปเที่ยวท่องยุโรปนานกว่า 50 วัน แน่นอนว่ามีบางคนบอกว่าเห็นจริงเป็นประจักษ์นั้นดีกว่าได้ยิน แต่
ฉันคิดว่าหนังสือเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในการเปิดและขยายขอบเขตความคิด
และในขณะที่อ่านหนังสือ ฉันได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมาย แต่
สิ่งหนึ่งที่ฉันเรียนรู้คืออย่าท้อแท้มากเกินไปกับสิ่งที่ไม่เป็นไปตามที่ฉันคาดหวังไว้
เพราะฉันตระหนักดีว่าวิกฤตคือโอกาสเสมอ เหมือนกับเป็นสโลแกนของฉัน
ตำแหน่งงานที่ฉันสร้างมาเริ่มลดน้อยลง และอุตสาหกรรมนั้นก็กำลังจะตาย
เรียกได้ว่ารอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด
ตอนแรกฉันรู้สึกท้อแท้ คิดว่าอาชีพการงานของฉันไร้ประโยชน์แล้ว ฉันคงหางานใหม่ไม่ได้แล้ว
แล้วฉันก็ไปยุโรป และรู้ตัวว่าฉันทำอะไรได้มากกว่าที่คิด และเริ่มคิดในสิ่งที่ถูกต้องและสมเหตุสมผลมากขึ้น ผ่านการอ่านหนังสือ
จากการอ่านหนังสืออย่างต่อเนื่อง ฉันรู้ตัวว่าฉันพยายามที่จะเรียนรู้ภูมิปัญญาและสาระสำคัญของชีวิตอย่างรวดเร็วและประมาทเกินไป ฉันคิดว่าตัวเองสามารถเรียนรู้สิ่งที่ควรใช้เวลาทั้งชีวิตเรียนรู้ได้ในระยะเวลาอันสั้น เหมือนกับการอ่านหนังสือสรุป
ถ้าคิดในแง่ลบ ปีนี้ฉันก็ไม่ได้ทำงาน ไม่ได้เงิน ก็คือพักผ่อนไป 1 ปี แต่
ในอีกแง่หนึ่ง ฉันอยากจะเรียกปีนี้ว่าปีที่ดีที่สุดในชีวิตของฉัน เพราะฉันได้เรียนรู้ความจริงของชีวิตผ่านหนังสือด้วยตัวเอง
สรุปแล้ว อาชีพการงานของฉันที่เคยมืดมนนั้น เมื่อมองลึกลงไปก็พบว่ายังมีแบรนด์ที่ติดอันดับท็อป 10 ในตลาดจีนอยู่ (มีการเสนองานให้ฉันจากที่นี่) และซัมยาง (บูลด็อก) ก็ทำยอดขายได้ 130 ล้านในช่วงวันคนโสดเพียงวันเดียว และเกาหลีซึ่งเป็นอาณาจักรแห่งศัลยกรรมความงาม ก็ขายฟิลเลอร์และโบท็อกซ์ให้กับจีนอย่างแข็งขัน ดังนั้นบริษัทที่ผลิตยาจึงเสนองานให้ฉันด้วย
สุดท้ายแล้ว สิ่งที่เราเรียนรู้ได้จากเรื่องนี้ก็คือ ฉันมีมุมมองที่แคบเกินไป จึงมองไม่เห็นอะไรอีก และก็เลยรู้สึกกังวลและท้อแท้
นี่มันเป็นความคิดที่ไร้สาระและโง่เขลาแค่ไหนกัน!
บางทีประโยชน์ของฉันก็ขึ้นอยู่กับตัวฉันเอง ไม่ใช่หรือ?
ถ้าฉันโกรธเวลาที่คนอื่นด่าฉัน นั่นก็เพราะฉันยอมรับในสิ่งนั้นบ้าง ไม่ใช่หรือ?
ถ้าฉันคิดว่ามันไม่จริง ฉันก็จะคิดว่าเด็กคนนั้นเป็นเด็กประหลาด
และไม่คิดอะไรมาก
รอนดา
การตั้งคำถาม
‘ใครเป็นคนผิด?‘
’ฉันทำอะไรผิดไป?‘
’ทำไมมันถึงเกลียดฉัน?‘
’ทำไมฉันถึงเป็นแบบนี้?‘
เมื่อไหร่ที่ฉันตั้งคำถามแบบนี้ ฉันรู้สึกเจ็บปวดมาก
ลองเปลี่ยนเป็นแบบนี้ดูสิ
‘เกิดอะไรขึ้น?‘
‘ฉันต้องการอะไร?‘
‘ฉันควรเรียนรู้อะไรจากเรื่องนี้?‘
‘อะไรบ้างที่เป็นไปได้?‘
‘ฉันจะเลือกอะไร?‘
บางทีฉันคิดว่าในปัจจุบัน ผู้ใหญ่ไม่ใช่แค่คนที่อายุมาก หรือคนที่ประสบความสำเร็จ แต่เป็นคนที่ผ่านประสบการณ์มาแล้ว
ในยุคที่อีคอมเมิร์ซพัฒนาไปไกล มีธุรกิจส่วนบุคคลมากขึ้น และมีอาชีพเสริมมากมาย
บุคคลคือองค์กร
ฉันคิดว่าการดูแลตัวเองก็เหมือนกับการบริหารองค์กรจริงๆ
ฉันคงต้องกลับไปอ่านบันทึกการบริหารตนเองของปีเตอร์ ดรักเกอร์อีกครั้ง
ถ้าฉันได้งาน ฉันจะพอใจกับชีวิตของฉันไหม? ฉันคงทำงานประจำได้ไม่นานหรอก
ถ้าอย่างนั้น ในอนาคตเมื่อฉันเริ่มทำธุรกิจของตัวเอง ฉันจะสามารถนำสิ่งที่ฉันเรียนรู้จากการทำงานในองค์กรมาใช้กับธุรกิจขนาดเล็กของตัวเองได้ไหม?
แน่นอนว่าต้องมีส่วนที่เป็นประโยชน์บ้าง
แต่ในระดับความรู้และความเข้าใจของฉันในปัจจุบัน ฉันยังตอบไม่ได้อย่างชัดเจน
เพื่อให้ได้พลังและศักยภาพที่ยิ่งใหญ่ คุณอาจต้องเผชิญกับอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ แต่ยิ่งต้องเผชิญกับอุปสรรคมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องขุดค้นให้ลึกลงไปเท่านั้น
”นั่นคือให้ลองถามตัวเองว่า ‘สมบัติในความสับสนอลหม่านที่ฉันกำลังเผชิญอยู่นี้คืออะไร?’”
ฉันคิดว่าตัวเองเป็นคนที่แข็งแกร่งขึ้นและก้าวไปข้างหน้าได้เมื่อต้องเผชิญกับแรงกดดันและความผิดหวังที่รุนแรง
ลอนดอน ประเทศอังกฤษ
คำถามที่ไม่ได้พูดออกมา คือประตูที่ยังไม่เปิดออก
การเปลี่ยนแปลงนี้ได้เปลี่ยนความรู้สึกของฉันที่มีต่อตัวเองและงานไปโดยสิ้นเชิง
เพราะฉันเริ่มรอคอยเวลาไปทำงานในตอนเช้า
ดูเหมือนว่าการเปลี่ยนแปลงที่ฉันประสบนั้นได้แผ่ขยายไปทั่วทั้งทีมของฉันเหมือนคลื่น
ไม่มีวันไหนเลยที่ฉันจะไม่รู้สึกขอบคุณสำหรับสิ่งที่คนอื่นทำ
เราเริ่มร่วมมือกันเพื่อบรรลุเป้าหมายอันยิ่งใหญ่
สำหรับฉันที่รู้สึกสับสนอยู่ช่วงนี้
หนังสือเล่มนี้ช่วยให้ฉันกลับมายืนหยัดได้อีกครั้ง
ฉันคิดว่ามันเป็นหนังสือที่ให้กำลังใจฉัน
ความคิดเห็น0